John Deere RMA

โทษและประโยชน์ วิธีกำจัดวัชพืช อย่างถูกต้อง

โทษ ประโยชน์ และ วิธีกำจัดวัชพืช อย่างถูกต้อง

สิ่งแรกที่เรามักจะนึกถึงเมื่อพูดถึงวัชพืช  คือ โทษและการทำลายล้างของมัน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่พี่น้องชาวเกษตรกรต้องรับมือมาหลายยุคสมัย วันนี้เราอยากหยิบยกอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่ นั่นก็คือ โทษ และ ประโยชน์ของวัชพืช และยังมี วิธีกำจัดวัชพืช มาให้ทุกคนได้ลองอ่านดู วัชพืชที่หลายคนมองว่าไม่มีค่า สามารถนำมาสร้างรายได้ ใช้บริโภค และนำไปเป็นสมุนไพร ทุกคนสามารถนำความรู้เรื่องโทษและประโยชน์ของวัชพืชไปปรับใช้กับเกษตรกรรมได้อีกด้วยนะคะ

ประเภทของวัชพืชที่พบเจอบ่อย

วัชพืชมีหลากหลายประเภท และสามารถจำแนกได้หลายลักษณะ เช่น จำแนกตามลักษณะการอยู่อาศัย หรือนิเวศวิทยา จะจำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ วัชพืชบก (terrestrial weeds) และวัชพืชน้ำ (aquatic weeds) ซึ่งแต่ละประเภทก็จะแบ่งเป็นยิบย่อยลงไปอีก แต่ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหนก็ต่างมีโทษและประโยชน์ของวัชพืชของตัวมันเอง วันนี้เราเลือกหยิบประเด็น ‘วัชพืชบก’ มาอธิบายให้พี่น้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับ ชนิดของวัชพืชบก จะมีแบบไหนบ้างไปดูกันเลย

วัชพืชบกไม่ได้มีเพียงหญ้าอย่างเดียว ซึ่งหญ้าเองก็แยกได้อีกหลายสายพันธุ์ ฉะนั้นวัชพืชบกต่างก็มีความแตกต่างเชิงสายพันธุ์ โดยอ้างอิงตามลักษณะที่สายตาสามารถจำแยกได้นั้น วัชพืชบกมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้

  • วัชพืชบกแบบต้น ลงรากลึกสมบูรณ์ในดิน วิธีกำจัดเดียวที่ได้ผลดีที่สุด คือ การกำจัดแบบถอนรากถอนโคน มีพลังการทำลายล้างสูง บางสายพันธุ์อาจขยายพันธุ์เร็วร่วมด้วย 
  • วัชพืชบกแบบพุ่ม มีลักษณะคล้ายกับวัชพืชบกแบบต้นทุกประการ เพียงแต่ลักษณะต้นจัดอยู่ในรูปแบบพุ่ม เป็นตัวอันตราย จำกัดโดยการถอนรากเท่านั้นจงจะหมดสิ้นซาก
  • วัชพืชบกแบบลำต้นอ่อน พบเจอได้บ่อยที่สุด คุ้นเคยเป็นอย่างดี ลำต้นเล็ก เนื้ออ่อน กำจัดง่าย แต่ขยายพันธุ์เร็วมากมากที่สุด 
    • วัชพืชลำต้นอ่อน ชนิดล้มลุก : มีอายุจำกัด เมื่อหมดอายุไขก็จะตายไปเอง
    • วัชพืชลำต้นอ่อน ชนิดยืนต้น : ถึงจะเป็นวัชพืชแบบต้นเล็กก็จริง แต่สามารถดำรงชีวิตได้ยาวนานกว่า 2 ปี ขี้นไป

ประโยชน์ของวัชพืชที่ถูกมองข้าม

กำลังจำกัดวัชพืชหรอ? ช้าก่อน อย่าพึ่งรีบร้อน สำหรับพี่น้องชาวเกษตรกรนั้น อาจจะมองว่าวัชพืชมันดูรกหูรกตาเสียจริง กำจัดก็ยาก ต้องเสียเงินซื้อยากำจัดอีก แต่ในทางกลับกันวัชพืชบางชนิดมีประโยชน์มาก สามรถนำมาประกอบอาหารทั้งสำหรับคนและสัตว์ นำไปเป็นส่วนผสมของปุ๋ยอินทรีย์ได้ บางชนิดอาจนำมาเป็นสมุนไพรบรรเทาอาการเจ็บปวด ซึ่งวัชพืชเลือกแหล่งเจริญเติบโตในแต่ละพื้นที่ที่ต่างกัน บางชนิดชอบแหล่งน้ำขัง บางชนิดเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง สามารถพบเจอได้ตามสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของมันอีกด้วย 

  • ช่วยสร้างร่มเงา และปกคลุมดิน ลดอุณภูมิที่ผิวดินสำหรับต้นกล้าบางชนิด
  • เพิ่มแร่ธาตุให้ดิน ทำให้คุณภาพดินอุดมสมบูณ์ คงสภาพฉุ่มฉ่ำอยู่ตลอดเวลา
  • เศษซากวัชพืชที่ไถกลบสามารถเพิ่มแร่ธุาตุและความชุ่มชื้นให้กับผิวดินได้
  • ป้องกันถูกชะล้างหน้าดิน เวลาฝนตก ปล่อยน้ำไหลผ่าน
  •  เป็นแหล่งอาหารชั้นยอดของสัตว์เคี้ยวเอื้องทุกชนิด ช่วยลดต้นทุนได้เยอะ
  • สามารถนำมาต่อยอดเป็นสมุนไพรไทยรักษาโรคได้ สร้างผลผลิตทางการเกษตร
  • ปุ๋ยหมักจากวัชพืช เศษหญ้า ทำง่ายเพียงแค่หั่นวัชพืชเป็นท่อน ๆ ผสมรวมกับวัตถุดิบอื่น ผัง รดน้ำ จนกว่าส่วนผสมจะร่วนซุยจึงสามารถนำมาใช้งานได้
  • ดักจับสารพิษ และช่วยฟอกอากาศ ทำให้อากาศเป็นมิตรมากยิ่งขึ้น

อู้หู! ที่นี้พี่น้องเห็นแล้วใช่ไหมคะ วัชพืชนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่เราคิดเยอะแยะเลย ด้วยประโยชน์และไอเดียที่ต่อยอดนี่แหละ ทำให้เกษตรกรบางกลุ่มหันมาสนใจวัชพืชบกมากยิ่งขึ้น สามารถสร้างรายได้หรือใช้งานจากวัชพืชได้อย่างคุ้มค่า เราขอยกตัวอย่างวัชพืชที่มีประโยชน์และสามารถพบเห็นได้ง่ายตามพื้นที่เกษตรกรรมทั่วไป

  • วอเตอร์เครส (Watercress) ใช่ค่ะ ผักสลัดที่เรากินกันอยู่ทุกวันนั่นแหละ อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย กินง่าย รสชาติไม่ขมติดลิ้น จะกินแบบปรุงสุก หรือกินแอ้มแบบสดก็ได้ แต่ต้องทำความสะอาดให้ดีซะก่อน วอเตอร์เครสช่วยป้องกันละยับยั้งการเกิดมะเร็ง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้อีกนะ
  • หญ้าแฝก (Vetiver Grass) หญ้าแฝกเป็นทุ่งหญ้าธรรมดา ๆ แต่ความพิเศษของหญ้าแฝก คือ รากลงลึกไปในดิน ทำให้หญ้าแฝกเป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นฝายชะลอน้ำ ปลูกเพื่อรักษาหน้าดิน หรือป้องกันการกัดเซาะได้อย่างดีเยี่ยม ใช้ส่วนใบมาเป็นวัสดุสำหรับการผลิตเครื่องจักสาน ช่วยให้ธุรกิจชุมชนได้มีรายได้มากขึ้น นำไปทำเป็นหลังคามุงแฝก หรือย้อมสีพุ่มหญ่แฝกเพื่อประดับงานพิธีต่าง ๆ ก็ได้ค่ะ ประโยชน์เพียบเลย
  • ผักแขยง (Rice Paddy Herb) เป็นวัชพืชฤทธิ์ร้อน สามารถพบได้ทั่วไปตามคันนา ใบมีความเผ็ด กลิ่นหอมฉุน นิยมนำมาประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาว หรือนำไปผสมกับสมุนไพรบางชนิดที่มีคุณสมบัติเผ็ดร้อนเหมือนกัน เพื่อกำจัดหอยเชอรี่และศัตรูพืชอื่น ๆ หรือนำใบอ่อนมาแช่น้ำร้อนดื่ม เพื่อลดโอกาศการป้องกันไขมันและหลอดเลือด
  • ธูปฤาษี (Cattail) มักพบบ่อยในพื้นที่ที่มีน้ำขัง ค่อนข้างชอบที่ชื้นแฉะ ทรงสูงประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นชูสวย ลักษณะคล้ายธูปไหว้พระ รากของมันช่วยบำบัดน้ำเสียและเกาะยึดผิวดินได้ดีเยี่ยม จะนำลำต้นมาประดับตกแต่งเพื่อความเก๋ได้ดูจะดูดีไม่เบา จุดเด่น คือ ธูปฤาษีสามารถทานได้ ดีต่อคุณแม่หลังคลอดมาก ๆ เพราะมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการเพิ่มน้ำนม แต่นิยมบริโภคแค่ยอดอ่อนเท่านั้นนะคะ
  • เรด โคลเวอร์ (Red Clover) หรือบานไม่รู้โรยฝรั่ง ดอกพุ่มสีแดงชมพูออกไปทางม่วง เป็นฝาแฝดกับดอกบานไม่รู้โรยฝั่งไทยเรานี่แหละ แต่ความแน่นของดอกจะไม่เท่ากับของไทยเรา ทุกส่วนของ เรด โคลเวอร์ มีประโยชน์มาก ถูกนำมาสกัดเป็นอาหารเสริมเพื่อปรับฮอร์โมน หรือจะนำมาแช่กับน้ำร้อนเพื่อจิบบรรเทาอาการระคายคอ รักษาอาการหวัดได้
  • ส้มกบ (Wood Sorrel) วัชพืชประเภทไม้เลื้อย ความพิเศษ คือ สามารถคลุมผิวดิน รักษาความชุ่มชื้นและบังแดดให้พื้นผิวอยู่ในสภาพอุดมสมบูรณ์ สามารถนำมาประประกอบอาหารได้ รสชาติของส้มกบ จะออกไปทางเปรี้ยวและหวานปะแล่ม กากใยสูง แต่ไม่ควรกินบ่อยเพราะมีความเป็นกรดสูง กระเพาะอาหารอาจได้รับความเสียหาย

  • ผักเบี้ยใหญ่ (Purslane) เป็นวัชพืชประเภทคลุมดิน ลำต้นและใบอุ้มน้ำสูง สามารถนำมาทานได้แบบสดๆ และประกอบอาหาร ด้วยความที่เป็นวัชพืชอิ่มน้ำจึงเต็มไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ช่วยลดอาการแข็งตัวของหลอดเลือด ลดการอักเสบต่างๆ และป้องกันโรคบิดที่เกิดจากแมลงวัน

  • ผักเสี้ยนผี (Asian Spider Flower) สามารถพบเจอได้ตามพื้นที่ทั่วไป รูปทรงคล้ายเม็ดเป๊าะแป๊ะที่เคยเล่นเมื่อสมัยเด็ก แต่ผักเสี้ยนผีจะมีฝักที่เขียวและใหญ่กว่า เวลาโดนน้ำจะไม่แตกเหมือนเม็ดเป๊าะแป๊ะ ใบและลำต้นมีขนหนา มีกลิ่นเหม็นเขียวเฉพาะตัว สามารถนำเมล็ดมาต้มเพื่อเป็นชาบรรเทาอาการเจ็บคอ ขับเสมหะได้

  • หญ้าหวาน (Green Stevia Leaf) แม่นแล้วจ้าพ่อแม่พี่น้อง ประโยชน์เน้น ๆ กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ สามารถใช้ใบแทนความหมายจากน้ำตาล นำไปผลิตเป็นไซรัปสำหรับเครื่องดื่มหรือการประกอบอาหาร ข้อดีไม่ได้มีแค่เป็นสารทดแทนความหวานอย่างเดียว การรับประทานใบหญ้าหวานยังช่วยลดไขมัน ลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ ตัวตึงวัชพืชแบบนี้ถอนทิ้งไม่เสียดายแย่หรอ

โทษของวัชพืช ปัญหาคำราญใจ

สำหรับพี่น้องเกษตรกรวัชพืชสามารถสร้างความรำคาญและเป็นปัญหาไม่จบไม่สิ้น สร้างความเสียหายทำให้แก่ผลผลิต ส่งผลให้ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งการเจริญเติบโตและกระจายพันธุ์ของวัชพืชขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ บางสายพันธุ์สามารถขยายพันธุ์ได้เพียงแค่ลมพัดเกสรไปตามจุดต่าง ๆ บางสายพันธุ์สามารถแตกหน่อได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องอาศัยการขยายพันธุ์ เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าว่าโทษและประโยชน์ของวัชพืช ส่งผลเสียต่อผลผลิตอย่างไรบ้าง

  • วัชพืชบางชนิดมีพิษ เมื่อบริโภคไปอาจทำให้อันตรายถึงชีวิต
  • แย่งแร่ธาตุและสารอาหารที่ตั้งใจบำรุงให้กับผลผลิตทางการเกษตร 
  • เป็นบ้านหลังเล็กของเหล่าแมลง หรือศัตรูพืชชนิดอื่น ที่จะเข้ามารบกวนการเจริญเติบโต 
  • ขยายพันธุ์เร็ว ไม่สามารถควบคุมประชากร บางสายพันธุ์ก็กำจัดให้หมดสิ้นซากยากมาก 
  • บดบังแสง ต้นกล้าต้องการแสงมากพิเศษในการเจริญเติบโต แต่กลับเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่เพราะได้รับแสงไม่เพียงพอ 
  • เสียทั้งเวลาและเงินในการทำมาหากิน ต้องแบ่งเงินทุนมาซื้อยากำจัดวัชพืช

วิธีกำจัดวัชพืชแบบเกษตรสีเขียว

วิธีกำจัดวัชพืช มีมากมายหลายแขนง ขึ้นอยู่กับความสะดวกและระยะเวลาของพี่น้องที่มี มีทั้งแบบเป็นมิตรต่อผลผลิต และใช้สารเคมีในการกำจัด หากปล่อยไว้นาน หรือไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ อาจทำให้ส่งผลกระทบต่อผลผลิตแน่นอน เป็นปัญหาที่เข้ามารุกรานพื้นที่ยากต่อการจัดการ

  • ไถพรวนหน้าดิน : เป็นวิธีที่ John Deere ภูมิใจนำเสนอมากที่สุด เพราะการไถพรวนไม่ได้มีประโยชน์แค่กำจัดวัชพืชเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การไถ่พรวนเปรียบได้กับการคลุกเคล้าดินสำหรับเตรียมปลูก ถ้าซากวัชพืชมีมากเกินไปแนะนำให้นำคลาดแปลงออกเพิ่มเติม
  • ดึงออกด้วยมือ : วิธีกำจัดวัชพืชแบบคลาสสิค เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่ และไม่ได้มีปัญหาจำนวนวัชพืชมากนัก สามารถถอนออกมาได้ทั้งรากทั้งโคน แต่ต้องทำให้ดินอ่อนนุ่มเสียก่อน จึงทำให้ดึงออกมาได้ง่าย ใช้แรงเพียงนิดเดียวก็ถอกได้ทั้งต้นแล้ว 
  • น้ำส้มสายชูออแกนิค : น้ำส้มสายชูหมักนี่แหละ สามารถใช้ได้ตั้งแต่งานในบ้านไปยังงานนอกบ้าน น้ำส้มสายชูมีความเป็นกรดจากกระบวนการหมักที่สามารถกำจัดวัชพืชได้ โดยใช้วิธีพ่นไปยังบริเวณที่มีปัญหาวัชพืช ผสมเกลือลงไปเพื่อเพิ่มพลังในการกำจัด เมื่อฉีดพ่นแล้ววัชพืชจะแห้งตายไปเอง 
  • กำจัดไม่ได้ก็นำมารับประทาน : อย่างที่บอกไปในหัวข้อ ‘ประโยชน์ของวัชพืช’ บางชนิดสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้ นำมาแช่น้ำอุ่นเพื่อเป็นชาติดบรรเทาอาการเจ็บปวด หรือจะนำมาสกัดเป็นสมุนไพรบำรุงร่างกายก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละคน เป็นเรื่องเล็กน้อยที่สามารถต่อยอดสร้างเม็ดเงินให้พี่น้องเกษตรกร
  • บังแดดไม่ให้มีพื้นที่สังเคราะห์แสง : วิธีนี้เหมาะสำหรับวัชพืชชนิดไม้เลื้อยคลุมดิน ที่พบเจอแถวรากต้นไม้มากที่สุด ให้เกษตรกรนำถุงดำ แกลบ ซังข้าว หรือวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ นำมาปกคลุมบริเวณพื้นที่ที่มีการระบาดของวัชพืชชนิดไม้เลื้อย ไม่ให้วัชพืชได้รับแสงแดด เมื่อวัชพืชไม่ได้รับแสงก็จะสังเคราะห์แสงไม่ได้ และแห้งตายในที่สุด 
  • ใช้สารเคมี : ทางลัดสุดท้ายที่ประหยัดเวลา สำหรับยาฆ่าหญ้าจะต้องฉีดพ่นหลังจากที่วัชพืชนั้นงอกเกิน 10 วันเป็นต้นไป ควรอ่านคู่มืออย่างละเอียด ผสมน้ำในอัตราส่วนที่แต่ละยี่ห้อกำหนด และอย่าลืมป้องกันตนเองจากละอองยาฆ่าหญ้า สารเคมีที่นิยมใช้ในท้องตลาดทั่วไป คือ โนซาพรอบ-พี-เอทิล, ฮาโลซีฟอป อาร์ เมทิล และไตรโคลเพอร์ บิวทอกซีเอทิล เอสเทอร์

หวังว่าทุกคนได้รับความรู้เกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของวัชพืชที่เราคัดสรรมาให้ วัชพืชหากนำมารับประทานก็ควรทานแต่พอดี ด้วยความที่วัชพืชมีแร่ธาตุสูง บางสายพันธุ์อาจจะเป็นอันตรายหากทานเกินขีดจำกัด ส่วนโทษของมันก็อย่างที่เรารู้กันค่ะ เพียงต้นเล็ก ๆ ไม่กี่ต้นก็สามารถเบียดเบียนการเจริญเติบโตของผลผลิตเราได้ ควรได้รับการกำจัดอย่างถูกวิธีและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีให้ได้มากที่สุด ถึงแม้จะเป็น วิธีกำจัดวัชพืช ที่กำจัดได้อย่างรวดเร็วที่สุด แต่ก็เป็นอันตรายทั้งผลผลิตและตัวเกษตรกรเอง การทำเกษตรยุคใหม่ควรมิตรต่อโลกมากยิ่งขึ้นนะคะ

อ่านบทความสาระน่ารู้เกษตรเพิ่มเติมได้ที่นี่ : สาระน่ารู้เกษตร