John Deere RMA

นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับลูกค้า

  ประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบว่าบริษัทฯ มีวิธีการจัดการกับข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับจากท่านอย่างไร รวมถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึง ใช้ และการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประกาศฯ ฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเฉพาะกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับมาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการได้รับจากท่านโดยตรงหรือจากบุคคลภายนอก โดยมิได้ครอบคลุมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรวบรวมระหว่างการติดต่อสื่อสารกับท่าน หรือจากการที่ท่านได้ใช้สินค้าหรือบริการของบุคคลภายนอกนั้น นิยาม
ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต
ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล”หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะได้ใช้วิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การเก็บรักษา การดัดแปลงหรือแก้ไข การเรียกคืน การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง การเผยแพร่ หรือทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยวิธีการอื่นใด) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดการเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย เป็นต้น
อาร์เอ็มเอ” หรือ “บริษัทฯหมายถึง บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทหรือธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ[1]
เว็บไซต์หมายถึง เว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชันที่บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการ แล้วแต่กรณี
เกี่ยวกับบริษัทฯ บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด เป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย กลุ่มบริษัท อาร์เอ็มเอ มีการดำเนินกิจการใน 14 ประเทศทั่วโลก โดยที่อาร์เอ็มเอ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการชั้นนำในภาคธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหาร ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การขายปลีกยานยนต์ การผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วน ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ การจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก การผลิตพลังงาน ตลอดจนแฟรนไชส์อาหาร และการให้บริการด้านวิศวกรรม โดยมีโรงงานผลิตและดัดแปลงยานยนต์ของอาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี แอฟริกาใต้ พม่า ออสเตรเลีย รวมถึงมีสำนักงานของ ฟอร์ด โกลบอล ฟลีท เซลส์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และดูไบ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด รวมถึงบริษัทหรือธุรกิจในเครือได้ที่ www.rmagroup.net ประเภทบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าข้องข้อมูลส่วนบุคคลในประเภท ดังต่อไปนี้ ลูกค้า ได้แก่ บุคคลที่ซื้อผลิตภัณฑ์ และ/หรือใช้บริการของบริษัทฯ และ/หรือผู้ซึ่งซึ่งมีแนวโน้มจะซื้อผลิตภัณฑ์และ/หรือใช้บริการของบริษัทฯ รวมถึงบุคคลอื่นในลักษณะเดียวกัน เช่น ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สัมมนา การประมูล ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ บุคคลที่ติดต่อเพื่อรับข้อมูลหรือบริการจากบริษัทฯ ผู้ตอบแบบสำรวจเกี่ยวกับสินค้าและ/หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงนิติบุคคลและบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนเอกสารหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้า ได้แก่ บุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของลูกค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรของลูกค้าซึ่งเป็นนิติบุคคล รวมถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนเอกสารหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้จัดการ ผู้ซื้อ ผู้รับตราส่ง และผู้จ่ายเช็ค เป็นต้น วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้กับบริษัทฯ โดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลกับบริษัทฯ โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดขึ้นเมื่อท่าน
  • ติดต่อกับบริษัทฯ (เช่น การสอบถาม การให้ความคิดเห็นหรือคำติชม) ไม่ว่าจะโดยวาจาหรือผ่านทางเอกสาร ผ่านทางเว็บไซต์ โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันต่อหน้า หรือโดยวิธีการอื่นใด
  • แสดงความประสงค์ที่จะซื้อสินค้าหรือเข้าใช้บริการของบริษัทฯ (เช่น การลงทะเบียนเพื่อสมัครเป็นสมาชิกในฐานข้อมูลของบริษัทฯ) เข้าทำสัญญากับบริษัทฯ หรือโดยการส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้บริษัทฯ
  • เข้าร่วมกิจกรรมจับฉลาก เข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ ซึ่งจัดโดยบริษัทฯ หรือในนามของบริษัทฯ
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางประการเกี่ยวกับอุปกรณ์ กิจกรรม รูปแบบการใช้งาน หรือข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ของท่านโดยอัตโนมัติผ่านการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก
ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลภายนอกเป็นครั้งคราว เช่น
  • ข้อมูลที่ถูกแบ่งปันระหว่างบริษัทในเครือ
  • ข้อมูลที่ปรากฏสู่สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ บล็อก (Blogs) สื่อสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
  • รายชื่อลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (marketing lists) ซึ่งได้รับจากบุคคลภายนอก หรือผู้รวบรวมข้อมูล
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมโดยวิธีการอัตโนมัติจากการที่ท่านได้ใช้บริการของบริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหมายรวมถึง
  • ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ-นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ และสัญชาติ
  • ข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ที่ปรากฏบนบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน ที่อยู่สำหรับการจัดส่ง ที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงิน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล LINE ID และข้อมูลการติดต่อฉุกเฉิน
  • ข้อมูลทางธุรกิจของลูกค้า อาทิ รายละเอียดเกี่ยวกับโรงงานหรือธุรกิจของลูกค้า ซึ่งรวมถึงชื่อ เลขทะเบียน ที่อยู่ และรายละเอียดการติดต่อ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการซื้อขาย อาทิ หมายเลขประจำตัวลูกค้า หมายเลขประจำตัวคู่ค้า รายละเอียดคำสั่งซื้อ รายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า ข้อมูลการจัดส่ง หรือหมายเลขติดตามพัสดุ
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงิน อาทิ จำนวนเงิน วงเงิน เงื่อนไขการชำระเงิน หมายเลขบัญชี ข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ที่ปรากฏบนใบกำกับภาษี เช็ค ใบสำคัญจ่าย และใบเสร็จ
  • ข้อมูลที่ใช้เป็นหลักฐานในแบบฟอร์มลงทะเบียนลูกค้าหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ อาทิ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง วีซ่า (Visa) สำเนาใบอนุญาตทำงาน (Work permit) สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว สำเนาแบบฟอร์มการเปิดบัญชีลูกค้า เอกสารรับรองความไม่เกี่ยวข้อง หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท เอกสารเกี่ยวกับค้ำประกัน (โฉนดที่ดิน หนังสือค้ำประกันโดยธนาคาร หนังสือค้ำประกันโดยบุคคล) สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมหรือการจัดส่งสินค้า
  • ข้อมูลทางเทคนิค อาทิ ข้อมูลที่บริษัทฯ จัดเก็บโดยใช้การบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) (หมายเลข IP ประเภทของเบราว์เซอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) วันและเวลาที่เข้าใช้งาน การเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น จำนวนการกด) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน ข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ สถิติการเข้าใช้ระบบ เวลาที่เข้าใช้งาน ประวัติการค้นหา หรือการใช้งานฟังก์ชันในระบบ
  • ข้อมูลอื่น ๆ อาทิ พฤติกรรมหรือแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์ และ/หรือการใช้บริการ บันทึกเสียง ภาพถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม หรือใช้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565
  • หากบริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • หากท่านไม่ประสงค์จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป บริษัทฯ จะจัดเตรียมและประชาสัมพันธ์ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านสามารถถอนความยินยอมได้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอถอนความยินยอมของท่าน และจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)(ข)
ลำดับวัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผล
(ก)เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ค)เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการขายสินค้าและ/หรือให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงธุรกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น –     การขึ้นทะเบียนสมาชิก หรือเปิดบัญชีลูกค้า –     การเข้าทำสัญญาซื้อขายสินค้าและ/หรือให้บริการ –     การบริหารจัดการและทำตามคำสั่งซื้อของลูกค้า ตลอดจนการจัดเตรียมสินค้า และ/หรือบริการ –     การดำเนินการเกี่ยวกับการชำระค่าสินค้าและ/หรือค่าบริการการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นต่อ –     การเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลง หรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจสอบหลักฐานการเข้าทำสัญญา การคำนวณวงเงิน รวมถึงการปฏิบัติตามคำขอของลูกค้าเพื่อเปิดบัญชีใหม่ –     ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดการบัญชีและการยืนยันตัวตนของลูกค้า หรือการพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้า เป็นต้น
(ง)เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขาย เช่น –        การตอบคำถามและการปฏิบัติตามคำขอของท่าน –        การติดต่อประสานงานกับท่าน –        เพื่อการบริหารจัดการทั่วไป และเพื่อจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้กับท่าน –        เพื่อการบริหารจัดการโปรแกรมความภักดี (loyalty programs)การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขายแก่ลูกค้า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นในลักษณะเดียวกัน
(จ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการสื่อสารทางการตลาด การประชาสัมพันธ์ หรือกิจกรรมอื่น ๆ ในทำนองเดียวกัน เช่น –        การติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์ ข้อความ (SMS) อีเมล หรือช่องทางอื่น ๆ เพื่อติดต่อสอบถาม แจ้งข้อมูล ตรวจสอบหรือยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของท่าน หรือเพื่อทำการสำรวจ –        เพื่อให้ท่านได้รับข่าวสารที่เป็นปัจจุบัน เกี่ยวกับบริษัทฯ หรือบริการของบริษัทฯ –        เพื่อบันทึกภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหว และ/หรือ บันทึกเสียง (หากมี) ระหว่างการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์หรือกิจกรรมทางการตลาดในกรณีที่บริษัทฯ มีการจัดกิจกรรมทางการตลาด อาทิ การส่งข้อความทางการตลาดไปยังลูกค้า หรือการบันทึกรูปภาพหรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้าเพื่อการประมวลผลและประชาสัมพันธ์การสื่อสารทางการตลาด บริษัทฯ จะดำเนินกิจกรรมดังกล่าว โดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน บริษัทฯ จะส่งข้อความเพื่อการสื่อสารทางการตลาดให้กับท่านเฉพาะในกรณีที่ท่านได้สมัครเพื่อขอรับการสื่อสารทางการตลาดดังกล่าว หรือเมื่อท่านได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งเพื่อขอรับการสื่อสารทางการตลาดดังกล่าว
(ฉ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และ/หรือบริการให้แก่ท่าน ตลอดจนการตอบรับคำขอใช้บริการ คำถาม หรือข้อเสนอแนะของท่าน และเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพจากบริษัทฯ เช่น –     การวิเคราะห์และสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า หรือการจัดซื้อข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าจากบุคคลภายนอกเพื่อใช้ข้อมูลดังกล่าวในการวิเคราะห์และสำรวจพฤติกรรมของลูกค้า –     เพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ –        เพื่อวิเคราะห์การใช้บริการ เว็บไซต์ หรือสื่ออื่น ๆ ของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้จากการใช้บริการเว็บไซต์หรือสื่ออื่น ๆ ของบริษัทฯ เป็นการจำเป็นต่อ –     ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจ และการพัฒนาคุณภาพของสินค้าและ/หรือบริการของบริษัทฯ หรือ –        ในกรณีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการวิเคราะห์และโฆษณาสินค้า และ/หรือบริการโดยอาศัยพฤติกรรมของท่าน หรือการนำเสนอแคมเปญทางการตลาดต่อท่านโดยตรง หรือเมื่อกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องมีการขอความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่านก่อนการดำเนินการดังที่ได้กล่าวมานี้
(ช)เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อท่านโดยตรง หรือเพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ข้างต้น เช่น –        การจัดการบัญชีของท่าน –        การจัดการนัดหมายของท่านกับบริษัทฯ –     การเสริมสร้างและพัฒนาประสบการณ์ที่ท่านจะได้รับ –        การบริหารจัดการ และการจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้กับท่านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่จำเป็น และ/หรือเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ดังที่ได้ระบุไว้ข้างต้น
(ซ)เพื่อการดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือที่เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ดังที่ได้ระบุไว้ข้างต้นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่านสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จะต้องใช้ในการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนด มีความเกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือการเข้าทำสัญญาหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่าน การที่ท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับบริษัทฯ อาจทำให้เกิดผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมดังกล่าวได้ทุกเมื่อ เว้นแต่ในกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมตามกฎหมาย หรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่อชี้แจงให้ท่านทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในกรณีดังที่ได้กล่าวมานี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายหรือประกาศฉบับที่ได้มีเพิ่มเติมร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ แก่หน่วยงานและบุคคล ดังต่อไปนี้
  • บริษัทในเครือของอาร์เอ็มเอ ซึ่งรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น (need-to-know basis)
  • คู่ค่าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการ และ/หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัทฯ ในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดส่งพัสดุ การตีพิมพ์ สุขภาพ ประกัน การอบรม การวิจัย การตลาด หรือกรณีอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้คำปรึกษา ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ
  • หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแล หรือหน่วยงานที่ได้ร้องขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย หรือตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อนการเปิดเผยดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานหรือผู้รับข้อมูลรายใดในต่างประเทศนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ระยะเวลาการจัดเก็บ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามระยะเวลาอื่นใดที่กฎหมายกำหนด (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ในการนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาอายุความสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม รวมถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท และที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ท่าน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ หรือธุรกรรมใด ๆ ได้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น (หรือระยะเวลาที่นานกว่านั้นตามที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้) บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวออกจากระบบหรือการจัดเก็บของบริษัทฯ รวมถึงระบบหรือการจัดเก็บของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวบุคคลได้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ สิทธิต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมจากท่านดังนี้ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและอาจขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้โดยสภาพทางเทคนิค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวตนได้ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เมื่อใดก็ได้ สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านมีความประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ หรือมีข้อสงสัยหรือมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าในทางใด ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้ช่องทางการติดต่อในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ตามที่ได้กำหนดเอาไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับประกาศฯ ฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้แบบฟอร์มตามที่ได้เผยแพร่บน www.rmagroup.net นอกจากนี้ ท่านยังสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางฝ่ายกำกับดูแล ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
อีเมล:compliance@rmagroup.net
หมายเลขโทรศัพท์:+66 2 762 8500
ที่อยู่:เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย
กฎหมายที่ใช้บังคับ ประกาศฯ ฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและต้องตีความตามกฎหมายของประเทศไทย ศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ  ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือทำการปรับปรุงประกาศฯ ฉบับนี้ในเวลาใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขตามความจำเป็นเพื่อให้ประกาศฯ ฉบับนี้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้หรือข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านตรวจสอบประกาศฯ ทุกครั้งที่ท่านเข้าถึงหรือใช้บริการ หรือเมื่อท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไม่ว่าในทางใด เพื่อให้ท่านได้ทราบอยู่เสมอว่าบริษัทฯ มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวอย่างไร รวมถึงวิธีการที่ท่านจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่านได้ ให้ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 [1] กลุ่มบริษัทอาร์เอ็มเอ ประกอบไปด้วย นิติบุคคลดังต่อไปนี้ ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายราย (1) บริษัท อาร์ เอ็ม เอ กรุ๊ป จำกัด (2) บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด (3) บริษัท มาสด้า ซิตี้ จำกัด (4) บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด (5) บริษัท อาร์เอ็มเอ ซิตี้ มอเตอร์ส จำกัด (6) บริษัท โกลบอล อาร์เมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (7) บริษัท โกลบอล ฟลีท เซลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (8) บริษัท อาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ จำกัด (9) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ/หรือ (10) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

ประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับคู่ค้า

  ประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบว่าบริษัทฯ มีวิธีการจัดการกับข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับจากท่านอย่างไร รวมถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึง ใช้ และการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประกาศฯ ฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเฉพาะกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับมาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการได้รับจากท่านโดยตรงหรือจากบุคคลภายนอก โดยมิได้ครอบคลุมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรวบรวมระหว่างการติดต่อสื่อสารกับท่าน หรือจากการที่ท่านได้ใช้สินค้าหรือบริการของบุคคลภายนอกนั้น นิยาม
ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต
ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล”หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะได้ใช้วิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การเก็บรักษา การดัดแปลงหรือแก้ไข การเรียกคืน การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง การเผยแพร่ หรือทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยวิธีการอื่นใด) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดการเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย เป็นต้น
อาร์เอ็มเอ” หรือ “บริษัทฯหมายถึง บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทหรือธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ[1]
เว็บไซต์หมายถึง เว็บไซต์ และ/หรือแอปพลิเคชันที่บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการ แล้วแต่กรณี
เกี่ยวกับบริษัทฯ บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด เป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย กลุ่มบริษัท อาร์เอ็มเอ มีการดำเนินกิจการใน 14 ประเทศทั่วโลก โดยที่อาร์เอ็มเอ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการชั้นนำในภาคธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหาร ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การขายปลีกยานยนต์ การผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วน ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ การจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก การผลิตพลังงาน ตลอดจนแฟรนไชส์อาหาร และการให้บริการด้านวิศวกรรม โดยมีโรงงานผลิตและดัดแปลงยานยนต์ของอาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี แอฟริกาใต้ พม่า ออสเตรเลีย รวมถึงมีสำนักงานของ ฟอร์ด โกลบอล ฟลีท เซลส์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และดูไบ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด รวมถึงบริษัทหรือธุรกิจในเครือได้ที่ www.rmagroup.net ประเภทบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าข้องข้อมูลส่วนบุคคลในประเภท ดังต่อไปนี้ บุคคลที่อาจเป็นคู่ค้า ได้แก่ บุคคลที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ โดยพิจารณาจากการแสดงเจตนาในการเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ และ/หรือลงทะเบียนเป็นคู่ค้า เช่น คนกลาง ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจแฟรนไชส์หรือธุรกิจตัวแทนจำหน่าย คู่สัญญา หรือผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการธุรกิจ หรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกันจากการแสดงความสนใจในการเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ และ/หรือลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ เป็นต้น คู่ค้า บุคคลที่จัดทำใบเสนอราคาสินค้าและ/หรือบริการให้แก่บริษัทฯ บุคคลซึ่งได้ลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ หรือผู้ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ ในลักษณะเดียวกัน เช่น คนกลาง ผู้ให้บริการ ที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจแฟรนไชส์หรือธุรกิจตัวแทนจำหน่าย คู่สัญญา หรือผู้ที่สนใจในโครงการของธุรกิจหรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่อาจเป็นคู่ค้าหรือคู่ค้า บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของคู่ค้า เช่น ผู้บริหาร กรรมการ พนักงาน ตัวแทนหรือบุคลากรของคู่ค้าที่เป็นนิติบุคคล รวมถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนเอกสารหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้จัดการ ผู้ซื้อ ผู้รับสินค้า และผู้จ่ายเช็ค เป็นต้น วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้กับบริษัทฯ โดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลกับบริษัทฯ โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดขึ้นเมื่อท่านติดต่อกับบริษัทฯ (เช่น การส่งมอบเอกสาร การเข้าทำสัญญา การสอบถามหรือแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะแก่บริษัทฯ)  ไม่ว่าจะโดยวาจาหรือผ่านทางเอกสาร ผ่านทางเว็บไซต์ โทรศัพท์ อีเมล โทรสาร ไปรษณีย์ การพบปะกันต่อหน้า หรือโดยวิธีการอื่นใด
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางประการเกี่ยวกับอุปกรณ์ กิจกรรม รูปแบบการใช้งาน หรือข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ของท่านโดยอัตโนมัติผ่านการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก
ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอกเป็นครั้งคราว เช่น
  • ข้อมูลที่ถูกแบ่งปันระหว่างบริษัทในเครือ
  • ข้อมูลที่ปรากฏสู่สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ บล็อก (Blogs) สื่อสังคมออนไลน์ และเว็บไซต์เชิงพาณิชย์
  • ช่องทางที่มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจหรือการพาณิชย์ของท่านปรากฏอยู่
ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมโดยวิธีการอัตโนมัติจากการที่ท่านได้ใช้บริการของบริษัทฯ หรือที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหมายรวมถึง
  • ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อ-นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ และสัญชาติ
  • ข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล LINE ID และรายละเอียดของผู้ติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้อง
  • ข้อมูลทางธุรกิจ อาทิ รายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจของบริษัท รวมถึงชื่อ เลขทะเบียน สถานที่ตั้ง และรายละเอียดของผู้ติดต่อประสานงานที่เกี่ยวข้อง
  • ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย อาทิ หมายเลขประจำตัวคู่ค้า รายละเอียดคำสั่งซื้อและ/หรือสินค้าที่สั่งซื้อ รายละเอียดการร้องเรียนเกี่ยวกับสินค้า ข้อมูลการจัดส่ง หมายเลขติดตามพัสดุ
  • ข้อมูลที่ใช้เป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ หรือสำหรับการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ อาทิ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทาง วีซ่า (Visa) สำเนาใบอนุญาตทำงาน (Work permit) สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว สำเนาใบอนุญาตขับขี่ สำเนาคู่มือทะเบียนรถยนต์ เลขทะเบียนรถยนต์ ชนิดของรถยนต์ สำเนาโฉนดที่ดิน หนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองของบริษัท ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เช็ค ใบสำคัญจ่าย สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจ สัญญาซื้อขาย หรือสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมหรือการจัดส่งตามคำสั่งสินค้า
  • ข้อมูลทางเทคนิค อาทิ ข้อมูลที่บริษัทฯ จัดเก็บโดยใช้การบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) (หมายเลข IP ประเภทของเบราว์เซอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) วันและเวลาที่เข้าใช้งาน การเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น จำนวนการกด) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน ข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ สถิติการเข้าใช้ระบบ เวลาที่เข้าใช้งาน ประวัติการค้นหา หรือการใช้งานฟังก์ชันในระบบ
  • ข้อมูลอื่น ๆ อาทิ พฤติกรรมหรือแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์ และ/หรือการใช้บริการ บันทึกเสียง ภาพถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม หรือใช้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565
  • หากบริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและ/หรือใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • หากท่านไม่ประสงค์จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป บริษัทฯ จะจัดเตรียมและประชาสัมพันธ์ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านสามารถถอนความยินยอมได้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอถอนความยินยอมของท่าน และจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)
ลำดับวัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผล
(ก)เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ เช่น กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(ข)เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ค)เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการขายสินค้าและ/หรือให้บริการ รวมถึงธุรกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น –        การขึ้นทะเบียนและการเปิดบัญชีคู่ค้า –     การเข้าทำสัญญาซื้อขายสินค้าและ/หรือให้บริการ –        การบริหารจัดการและทำตามคำสั่งซื้อ ตลอดจนการจัดเตรียมสินค้าและ/หรือบริการ –     การดำเนินการเกี่ยวกับการชำระค่าสินค้าและ/หรือค่าบริการการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นต่อ –     การเข้าทำหรือการปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลง หรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น การตรวจสอบหลักฐานการเข้าทำสัญญา การคำนวณวงเงิน รวมถึงการปฏิบัติตามคำขอของคู่ค้าเพื่อเปิดบัญชีใหม่ –     ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจ เช่น การจัดการบัญชีและการยืนยันตัวตนของคู่ค้า หรือการพิจารณาคุณสมบัติของคู่ค้า เป็นต้น
(ง)เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขาย เช่น –     การตอบคำถามและการปฏิบัติตามคำขอของท่าน –        การติดต่อประสานงานกับท่าน –        การบริหารจัดการทั่วไป และเพื่อจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้กับท่านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการขายกับคู่ค้า บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นในลักษณะเดียวกัน
(จ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ เช่น –        การแจ้งข่าวสาร การส่งเสริมการขาย หรือกิจกรรมต่าง ๆ ให้ท่านทราบ –     เพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ –        เพื่อการบริหารจัดการโปรแกรมความภักดี (loyalty programs) –     เพื่อเชิญชวนท่านเข้าร่วมการวิจัยทางการตลาด หรือ การตอบแบบสอบถาม –        เพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด –     เพื่อการบริหารจัดการแคมเปญทางการตลาดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ๆ เพื่อการบริหารจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ และเพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงธุรกิจ สินค้า และกิจกรรมของบริษัทฯ
(ฉ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ เช่น –     แจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการบริษัทในเครือ การส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้อง สินค้าและบริการ ร้านค้า กิจกรรมต่าง ๆ และเพื่อพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินการดังที่ได้กล่าวมาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ๆ เพื่อแจ้งให้ท่านทราบถึงบริษัทในเครือ การส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงสินค้าและหรือบริการของบริษัทฯ
(ช)เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารธุรกิจทั่วไป เช่น –        การบันทึกข้อมูลทางธุรกิจ –        การจัดการภายในองค์กร –        การจัดการวงจรการทำงานของผู้รับเหมา (จากการว่าจ้างจนถึงการส่งมอบงาน) –        การจัดการและดูแลงานอีเว้นท์ งานอบรม และโปรแกรมต่าง ๆ –        การพัฒนา การนำประยุกต์ใช้ การดำเนินงาน และการบำรุงรักษาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ –        การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ อุปกรณ์ และอาคาร –     การดำเนินงานและการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน –        การทำให้มั่นใจได้ว่าบุคลากร ลูกค้า คู่ค้า และผู้มาติดต่อของบริษัทในเครือจะได้รับความปลอดภัยการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ๆ เพื่อการบริหารจัดการการดำเนินธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับบุคลากร ตลอดจนความปลอดภัยของอาคาร โครงสร้างพื้นฐาน และระบบต่าง ๆ ของบริษัทฯ
(ซ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยและการสอดส่องดูแลและการป้องกันระบบ เช่น –        การยืนยันตัวตนและการควบคุมการเข้าถึง และการบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ –        การตรวจสอบระบบ อุปกรณ์ และอินเทอร์เน็ตของบริษัทฯ –     การสอดส่องดูแลการเข้ามายังพื้นที่ของบริษัทฯ  การจัดส่งพัสดุมายังบริษัทในเครือ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ๆ เพื่อทำให้มั่นใจในเรื่องการรักษาความลับ ความมั่นคง และความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพและดิจิทัล รวมถึงอาคารสถานที่ของบริษัทฯ
(ฌ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่จำเป็นและจะเป็นประโยชน์กับท่านโดยตรง หรือเพื่อสนับสนุน วัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น เช่น –        การจัดการบัญชีของท่าน –        การจัดการนัดหมายของท่านกับบริษัทฯ –     การเสริมสร้างและพัฒนาประสบการณ์ที่ท่านจะได้รับ –        การบริหารจัดการ และการจัดการปัญหาต่าง ๆ ให้กับท่านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่จำเป็นและ/หรือเป็นประโยชน์ต่อท่าน หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ข้างต้น
(ญ)เพื่อการดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือที่เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ดังที่ได้ระบุไว้ข้างต้นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่านสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จะต้องใช้ในการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนด มีความเกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือการเข้าทำสัญญาหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่าน การที่ท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับบริษัทฯ อาจทำให้เกิดผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมดังกล่าวได้ทุกเมื่อ เว้นแต่ในกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมตามกฎหมาย หรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่อชี้แจงให้ท่านทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในกรณีดังที่ได้กล่าวมานี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายหรือประกาศฉบับที่ได้มีเพิ่มเติมร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด และตามข้อกำหนดภายใต้กฎหมายที่ใช้บังคับ แก่หน่วยงานและบุคคล ดังต่อไปนี้
  • บริษัทในเครือของอาร์เอ็มเอ ซึ่งรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น (need-to-know basis)
  • คู่ค่าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการ และ/หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัทฯ ในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดส่งพัสดุ การตีพิมพ์ สุขภาพ ประกัน การอบรม การวิจัย การตลาด หรือกรณีอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้คำปรึกษา ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ
  • หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแล หรือหน่วยงานที่ได้ร้องขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย หรือตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อนการเปิดเผยดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานหรือผู้รับข้อมูลรายใดในต่างประเทศนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ระยะเวลาการจัดเก็บ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามระยะเวลาอื่นใดที่กฎหมายกำหนด (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ในการนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาอายุความสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม รวมถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท และที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ท่าน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ หรือธุรกรรมใด ๆ ได้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น (หรือระยะเวลาที่นานกว่านั้นตามที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้) บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวออกจากระบบหรือการจัดเก็บของบริษัทฯ รวมถึงระบบหรือการจัดเก็บของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวบุคคลได้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ สิทธิต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมจากท่านดังนี้ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและอาจขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้โดยสภาพทางเทคนิค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวตนได้ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เมื่อใดก็ได้ สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านมีความประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ หรือมีข้อสงสัยหรือมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าในทางใด ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้ช่องทางการติดต่อในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ตามที่ได้กำหนดเอาไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับประกาศฯ ฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้แบบฟอร์มตามที่ได้เผยแพร่บน www.rmagroup.net นอกจากนี้ ท่านยังสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางฝ่ายกำกับดูแล ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
อีเมล:compliance@rmagroup.net
หมายเลขโทรศัพท์:+66 2 762 8500
ที่อยู่:เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย
กฎหมายที่ใช้บังคับ ประกาศฯ ฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและต้องตีความตามกฎหมายของประเทศไทย ศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ  ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือทำการปรับปรุงประกาศฯ ฉบับนี้ในเวลาใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขตามความจำเป็นเพื่อให้ประกาศฯ ฉบับนี้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้หรือข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านตรวจสอบประกาศฯ ทุกครั้งที่ท่านเข้าถึงหรือใช้บริการ หรือเมื่อท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไม่ว่าในทางใด เพื่อให้ท่านได้ทราบอยู่เสมอว่าบริษัทฯ มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวอย่างไร รวมถึงวิธีการที่ท่านจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่านได้ ให้ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 [1] กลุ่มบริษัทอาร์เอ็มเอ ประกอบไปด้วย นิติบุคคลดังต่อไปนี้ ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายราย (1) บริษัท อาร์ เอ็ม เอ กรุ๊ป จำกัด (2) บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด (3) บริษัท มาสด้า ซิตี้ จำกัด (4) บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด (5) บริษัท อาร์เอ็มเอ ซิตี้ มอเตอร์ส จำกัด (6) บริษัท โกลบอล อาร์เมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (7) บริษัท โกลบอล ฟลีท เซลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (8) บริษัท อาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ จำกัด (9) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ/หรือ (10) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

ประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับผู้สมัครงานและบุคลากร

  ประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบว่าบริษัทฯ มีวิธีการจัดการกับข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับจากท่านอย่างไร รวมถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึง ใช้ และการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประกาศฯ ฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเฉพาะกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทฯ เป็นผู้ได้รับมาเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการได้รับจากท่านโดยตรงหรือจากบุคคลภายนอก โดยมิได้ครอบคลุมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บุคคลภายนอกเป็นผู้เก็บรวบรวมระหว่างการติดต่อสื่อสารกับท่าน หรือจากการที่ท่านได้ใช้สินค้าหรือบริการของบุคคลภายนอกนั้น นิยาม
ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต
ประมวลผล” หรือ “การประมวลผล”หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะได้ใช้วิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การเก็บรักษา การดัดแปลงหรือแก้ไข การเรียกคืน การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง การเผยแพร่ หรือทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยวิธีการอื่นใด) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดการเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย เป็นต้น
อาร์เอ็มเอ” หรือ “บริษัทฯหมายถึง บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทหรือธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ[1]
เกี่ยวกับบริษัทฯ บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด เป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย กลุ่มบริษัท อาร์เอ็มเอ มีการดำเนินกิจการใน 14 ประเทศทั่วโลก โดยที่อาร์เอ็มเอ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการชั้นนำในภาคธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหาร ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การขายปลีกยานยนต์ การผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วน ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ การจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก การผลิตพลังงาน ตลอดจนแฟรนไชส์อาหาร และการให้บริการด้านวิศวกรรม โดยมีโรงงานผลิตและดัดแปลงยานยนต์ของอาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี แอฟริกาใต้ พม่า ออสเตรเลีย รวมถึงมีสำนักงานของ ฟอร์ด โกลบอล ฟลีท เซลส์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และดูไบ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด รวมถึงบริษัทหรือธุรกิจในเครือได้ที่ www.rmagroup.net ประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้ประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าข้องข้อมูลส่วนบุคคลในประเภท ดังต่อไปนี้ ผู้สมัครงาน ได้แก่ บุคคลที่อาจได้รับคัดเลือกให้เป็นบุคลากรของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากผู้สมัครงาน หรือผ่านทางบุคคลภายนอก บุคลากร ได้แก่ บุคคลซึ่งทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ใด ๆ ให้กับบริษัทฯ และได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ หรือค่าตอบแทนอื่นใด (ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไร) จากบริษัทฯ เช่น กรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ ลูกจ้าง พนักงาน พนักงานฝึกงาน หรือบุคคลอื่นใดในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่รวมถึงผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงานหรือบุคลากร ได้แก่ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้สมัครงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ และหมายรวมถึงบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏบนเอกสารหรือกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เช่น บุคคลในครอบครัว (อาทิ บิดา มารดา คู่สมรส และบุตร) บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง ผู้รับผลประโยชน์ และผู้ค้ำประกันการทำงาน เป็นต้น   วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลกับบริษัทฯ โดยตรง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะเกิดขึ้นเมื่อท่านกรอกใบสมัครงานและเอกสารที่เกี่ยวข้องและส่งมอบให้กับบริษัทฯ ผ่านทางการยื่นด้วยตนเองที่บริษัทฯ หรืองานจัดหาและรับสมัครงาน (job fair) ผ่านช่องทางออนไลน์ทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ หรือระหว่างการสัมภาษณ์ หรือเมื่อท่านได้เข้าทำสัญญากับบริษัทและส่งมอบเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่ให้กับบริษัทฯ
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิคบางประการเกี่ยวกับอุปกรณ์ กิจกรรม รูปแบบการใช้งาน หรือข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ของท่านโดยอัตโนมัติผ่านการจัดเก็บข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก
บริษัทฯ อาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์จัดหางาน บุคคลอ้างอิงของท่าน บริษัทจัดหางาน หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา สื่อสังคมออนไลน์ แบบฟอร์มสมัครงาน หรือเอกสารของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน (เช่น บุคคลในครอบครัว) บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง หรือผู้รับผลประโยชน์ เป็นต้น ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านจะได้รับแจ้งถึงรายละเอียดต่าง ๆ ตามที่ระบุในประกาศฯ ฉบับนี้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ ฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามวัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือหากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน   ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ โดยตรง หรือที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมโดยวิธีการอัตโนมัติจากการที่ท่านได้ใช้บริการของบริษัทฯ  หรือที่บริษัทฯ ได้รับมาจากบุคคลภายนอก ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวหมายรวมถึง
  • ข้อมูลส่วนบุคคล อาทิ ชื่อนามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา สถานภาพการสมรส รายละเอียดของบุคคลในครอบครัว (เช่น บิดา มารดา คู่สมรส บุตร เป็นต้น) ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลชีวภาพ (เช่น ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ และข้อมูลจำลองภาพใบหน้า) เป็นต้น
  • ข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร อีเมล LINE ID และรายละเอียดของบุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และบุคคลอ้างอิง เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาและการฝึกอบรม อาทิ ประวัติการศึกษา (เช่น ชื่อสถาบันการศึกษา คณะ โปรแกรม ปีที่จบการศึกษา เป็นต้น) ใบรับรองคุณวุฒิ ใบแสดงผลการศึกษา ความสามารถทางด้านภาษา ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการอบรมและผลการทดสอบ และกิจกรรมที่เข้าร่วมระหว่างเข้ารับการศึกษา เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครงาน เช่น ประวัติการทำงาน ประวัติย่อ (Resume/CV) ตำแหน่งที่สมัคร เงินเดือนที่คาดหวัง รายละเอียดการสัมภาษณ์งาน เอกสารสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลที่ได้รับจากแบบฟอร์มประเมินการสัมภาษณ์งาน (เช่น ผลการประเมิน ความรู้และประสบการณ์การทำงาน คุณลักษณะส่วนบุคคล การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความเป็นผู้นำ การทำงานเป็นทีม และทักษะด้าน มนุษยสัมพันธ์ เป็นต้น)
  • ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการสมัครงานหรือทำนิติกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเอกสาร เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาหนังสือสำคัญแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบสำคัญ (สำหรับการเกณฑ์ทหาร) สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร สำเนาสูติบัตร สำเนาทะเบียนสมรส แบบแจ้งขออนุมัติเงินเดือนพนักงานใหม่และพนักงานประจำ ใบรับรองแพทย์ เอกสารผลการตรวจร่างกายก่อนเข้าทำงาน แบบระบุนามผู้รับผลประโยชน์ แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน หนังสือยินยอมให้ตรวจสอบประวัติ ผลการตรวจประวัติ สัญญาจ้างแรงงานและเอกสารที่เกี่ยวข้อง (เช่น หนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาจ้างแรงงาน หนังสือรับรองการจ้างระบุตำแหน่งงานและเงินเดือน สำเนาบัตรข้าราชการ เป็นต้น) ข้อตกลงการเป็นกรรมการ หรือหนังสือมอบอำนาจ เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล เช่น รหัสประจำตัวพนักงานหรือบุคลากร ตำแหน่ง แผนกหรือฝ่ายงานที่สังกัด สายการบังคับบัญชา ผลการประเมินผลการปฏิบัติงาน ผลงานและ/หรือรางวัลที่เคยได้รับ ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือโอนย้ายบุคลากรข้ามบริษัท ใบลาออกจากการเป็นพนักงานหรือบุคลากร เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทน อาทิ รายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส รายละเอียดส่วนตัว สวัสดิการ ข้อมูลบัญชีธนาคาร ข้อมูลเกี่ยวกับการค้ำประกันการทำงาน ข้อมูลเกี่ยวกับผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลการหักลดหย่อนภาษี ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ (รวมถึงสำหรับบุคคลในครอบครัว) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในใบรับรองแพทย์ รายงานสุขภาพประจำปี แบบแจ้งการลาคลอด หนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้ แบบฟอร์มเรียกค่าสินไหมทดแทน (เช่น ประกันชีวิต) และแบบฟอร์มขออนุมัติผลประโยชน์เมื่อพ้นสภาพบุคลากรสำหรับการเกษียณอายุ เป็นต้น
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติ อาทิ วันที่เริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน วันและเวลาที่เข้าทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงาน จำนวนชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลา แบบแจ้งการลา รายละเอียดการลา (รวมถึงสาเหตุการลา) และบันทึกการใช้ระบบต่าง ๆ ของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ข้อมูลทางเทคนิค อาทิ ข้อมูลที่บริษัทฯ จัดเก็บโดยใช้การบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (log files) (หมายเลข IP ประเภทของเบราว์เซอร์ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) วันและเวลาที่เข้าใช้งาน การเชื่อมโยงไปยังหน้าเว็บไซต์อื่น จำนวนการกด) หรือโดยใช้เทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกัน ข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ สถิติการเข้าใช้ระบบ เวลาที่เข้าใช้งาน ประวัติการค้นหา หรือการใช้งานฟังก์ชันในระบบ
  • ข้อมูลอื่น ๆ อาทิ บันทึกเสียง ภาพถ่าย หรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เป็นต้น
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม หรือใช้ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565
  • หากบริษัทฯ ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ จะเก็บรวบรวมและ/หรือใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • หากท่านไม่ประสงค์จะให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม และ/หรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป บริษัทฯ จะจัดเตรียมและประชาสัมพันธ์ช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านสามารถถอนความยินยอมได้ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำขอถอนความยินยอมของท่าน และจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)
ลำดับที่วัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผล
(ก)เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือบริการของบริษัทฯ (เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล)  รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ เช่น กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยการประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งที่โดยชอบด้วยกฎหมายจากหน่วยงานรัฐ และ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ หรือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น
(ข)เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ค)เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการยืนยันตัวตนเพื่อการสมัครงานและการตรวจสอบผู้สมัครงาน เช่น –        การตรวจสอบยืนยันประวัติการทำงาน คุณสมบัติ ประสบการณ์ทำงาน และข้อมูลการอ้างอิงอื่น ๆ –        การตรวจสอบประวัติของผู้สมัครงานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นต่อ –        การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ ในการว่าจ้างบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนและเหมาะสม –        ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในกระบวนการคัดเลือก การพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมกับตำแหน่ง
(ง)เพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร เช่น –     การดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกบุคลากร รวมถึงการสัมภาษณ์ การประเมิน การวัดผลทางจิตวิทยา การจัดทำรายชื่อผู้เข้ารอบ การเสนอตำแหน่งงานและสิทธิประโยชน์ –        การตรวจสอบแบบฟอร์มการรับสมัครงาน และการประเมินผลและทดสอบทักษะผ่านช่องทางออนไลน์ –        การจัดทำรายชื่อผู้เข้ารอบ –        การดำเนินการสัมภาษณ์แบบกลุ่ม สัมภาษณ์กับคณะกรรมการ และ/หรือสัมภาษณ์รายบุคคล –     การแจ้งผลการสัมภาษณ์และผลการคัดเลือกให้ผู้สมัครงานทราบ –        การเก็บบันทึกและการสอดส่องดูแลการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการสรรหาหรือคัดเลือกผู้สมัครงานที่มีความสามารถและเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ว่างในบริษัทฯ และเพื่อจัดเก็บและรักษาบันทึกเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาบุคลากร
(จ)เพื่อวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการบริหารจัดการก่อนการว่าจ้าง เช่น –     การจัดเตรียมสัญญาจ้างงานและเตรียมเอกสารเพื่อลงลายมือชื่อในสัญญาจ้างงาน –     การสร้างบันทึกข้อมูลและไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ รายบุคคลเพื่อจัดเก็บข้อมูล –        การสร้างบันทึกเงินเดือน –     การลงทะเบียนสวัสดิการให้แก่พนักงานใหม่ –     รายงานการเริ่มทำงานของพนักงานต่อเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องการประมวลผลข้อมูลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในกระบวนการจัดเตรียมเอกสารและสัญญาที่จำเป็นต่อการว่าจ้าง รวมถึงการจัดทำบันทึกภายในให้ครบถ้วน
(ฉ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการธุรกิจทั่วไป เช่น –        การเก็บบันทึกข้อมูลทางธุรกิจ –        การบริหารจัดการองค์กร –        การบริหารจัดการพนักงาน (ตั้งแต่การว่าจ้างจนถึงการลาออก) –        การบริหารและจัดเตรียมกิจกรรม การอบรม และโปรแกรมต่าง ๆ –        การโต้ตอบในเรื่องเกี่ยวกับการว่าจ้าง ตำแหน่งงานและหน้าที่ รวมถึงการตอบคำถามและปฏิบัติตามคำขอของท่าน –        การพัฒนา การประยุกต์ใช้ การบำรุงรักษา และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ –        การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของระบบ อุปกรณ์ และอาคาร –     การจัดหาผู้ที่มีความสามารถและการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้อง –        การบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ –     การดำเนินงานและการจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย –        การทำให้มั่นใจได้ว่าบุคลากร ลูกค้า คู่ค้า และผู้มาติดต่อของบริษัทในเครือจะได้รับความปลอดภัย –        การบริหารและการจัดด้านการประกันภัย รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลของท่านกับบุคคลภายนอกผู้จัดการด้านเงินบำนาญและผู้รับประกันภัยการประมวลผลข้อมูลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ การจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ และการบริหารจัดการบุคลากรและการเก็บบันทึกข้อมูลต่าง ๆ
(ช)เพื่อวัตถุประสงค์ของการบริหารการว่าจ้างทั่วไป เช่น –     การประมวลผลข้อมูลของท่านที่เกี่ยวข้องกับการว่าจ้าง หรือการสมัครงาน รวมถึงเอกสารระบุยืนยันตัวตน (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง) ประกันสังคม และข้อมูลภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา –        การบริหารเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ สิทธิประโยชน์ รวมถึงการยกย่องและการให้รางวัล –        การจัดการเวลาการทำงาน และเวลาเข้าทำงาน (รวมถึงการลา) –        การบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัย การตรวจร่างกาย และการตรวจหาสิ่งเสพติดและแอลกอฮอล์ –        การปฏิบัติตามสัญญาที่มีร่วมกันการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นสำหรับ –        การเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงหรือกระบวนการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อปลดเปลื้องหน้าที่ตามสัญญาที่บริษัทฯ มีต่อท่านในฐานะบุคลากรของบริษัทฯ –     ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในกรณีที่ไม่มีภาระผูกพันตามสัญญา ในการบริหารและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างท่านและบริษัทฯ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์เฉพาะของท่านซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของท่าน
(ซ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการโอนย้ายบุคลากร และการยืมตัวบุคลากรการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นสำหรับ –     การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาภายใต้สัญญาหรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง เช่น สัญญาจ้างแรงงาน ข้อตกลงการโอนย้ายบุคลากร และสัญญาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง –        ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลในการดำเนินธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับการโอนย้ายบุคลากร ในการนี้ เมื่อบริษัทฯ มีการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะทำให้มั่นใจว่าประเทศปลายทางนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ
(ฌ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยและเพื่อการสอดส่องดูแลและป้องกันระบบ เช่น –     การตรวจสอบสิทธิ์และการควบคุมการเข้าถึงและการบันทึกข้อมูลจราจรคอมพิวเตอร์ (logs) –        เพื่อสอดส่องดูแลระบบ เครื่องมืออุปกรณ์ และ อินเทอร์เน็ต –     การสอดส่องดูแลการเข้ามายังพื้นที่ของบริษัทฯ  การจัดส่งพัสดุมายังบริษัทในเครือ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ของบริษัทการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ เพื่อทำให้มั่นใจในเรื่องการรักษาความลับ ความมั่นคง และความปลอดภัยของโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางกายภาพและดิจิทัล รวมถึงอาคารสถานที่ของบริษัทฯ
(ญ)เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามนโยบายเพื่อการการเยียวยาแก้ไข การลงโทษทางวินัย การร้องทุกข์ และการเลิกจ้าง เช่น –     การดำเนินกระบวนการลงโทษทางวินัยอย่างยุติธรรม การร้องทุกข์ และการเลิกจ้าง –     การติดตามการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัทฯ –        การสืบสวนการไม่ปฏิบัติตามนโยบาย เหตุการณ์ต่าง ๆ ปัญหา การลงโทษทางวินัยและการร้องทุกข์ –        การจัดการแก้ไขการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นในกรณี ดังต่อไปนี้ –        การปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาที่บริษัทฯ มีต่อท่านในฐานะนายจ้าง –     ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในกรณีที่ไม่มีภาระผูกพันตามสัญญา ในการบริหารจัดการให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ รวมถึงการร้องทุกข์ และการลงโทษทางวินัย
(ฎ)เพื่อการดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการที่เกี่ยวข้องหรือที่เกิดขึ้นจากวัตถุประสงค์ดังที่ได้ระบุไว้ข้างต้นการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ หรือเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ตามที่ได้กำหนดไว้ข้างต้น ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่านสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ บริษัทฯ จะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
  ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ จะต้องใช้ในการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนด มีความเกี่ยวข้องและจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่ใช้บังคับ หรือการเข้าทำสัญญาหรือการปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่าน การที่ท่านไม่ส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้กับบริษัทฯ อาจทำให้เกิดผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถเข้าทำสัญญาหรือปฏิบัติตามสัญญาที่มีต่อท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมดังกล่าวได้ทุกเมื่อ เว้นแต่ในกรณีที่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมตามกฎหมาย หรือตามสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อความชอบด้วยกฎหมายของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่อชี้แจงให้ท่านทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในกรณีดังที่ได้กล่าวมานี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายหรือประกาศฉบับที่ได้มีเพิ่มเติมร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์และข้อบังคับภายใต้กฎหมายให้แก่หน่วยงานและบุคคล ดังต่อไปนี้
  • บริษัทในเครือของอาร์เอ็มเอ ซึ่งรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น (need-to-know basis)
  • คู่ค่าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการ และ/หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัทฯ ในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดส่งพัสดุ การตีพิมพ์ สุขภาพ ประกัน การอบรม การวิจัย การตลาด หรือกรณีอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้คำปรึกษา ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ
  • หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแล หรือหน่วยงานที่ได้ร้องขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย หรือตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อนการเปิดเผยดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานหรือผู้รับข้อมูลรายใดในต่างประเทศนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ระยะเวลาการจัดเก็บ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามระยะเวลาอื่นใดที่กฎหมายกำหนด (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ในการนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาอายุความสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม รวมถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท และที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ท่าน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างท่านกับบริษัทฯ หรือธุรกรรมใด ๆ ได้สิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าวหากกฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ หรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น (หรือระยะเวลาที่นานกว่านั้นตามที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้) บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวออกจากระบบหรือการจัดเก็บของบริษัทฯ รวมถึงระบบหรือการจัดเก็บของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวบุคคลได้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ สิทธิต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมจากท่านดังนี้ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและอาจขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้โดยสภาพทางเทคนิค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวตนได้ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เมื่อใดก็ได้ สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านมีความประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ หรือมีข้อสงสัยหรือมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าในทางใด ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้ช่องทางการติดต่อในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ตามที่ได้กำหนดเอาไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับประกาศฯ ฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้แบบฟอร์มตามที่ได้เผยแพร่บน www.rmagroup.net นอกจากนี้ ท่านยังสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางฝ่ายกำกับดูแล ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
อีเมล:compliance@rmagroup.net
หมายเลขโทรศัพท์:+66 2 762 8500
ที่อยู่:เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย
กฎหมายที่ใช้บังคับ ประกาศฯ ฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและต้องตีความตามกฎหมายของประเทศไทย ศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ  ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือทำการปรับปรุงประกาศฯ ฉบับนี้ในเวลาใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขตามความจำเป็นเพื่อให้ประกาศฯ ฉบับนี้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้หรือข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านตรวจสอบประกาศฯ ทุกครั้งที่ท่านเข้าถึงหรือใช้บริการ หรือเมื่อท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไม่ว่าในทางใด เพื่อให้ท่านได้ทราบอยู่เสมอว่าบริษัทฯ มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวอย่างไร รวมถึงวิธีการที่ท่านจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่านได้ ให้ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 [1] กลุ่มบริษัทอาร์เอ็มเอ ประกอบไปด้วย นิติบุคคลดังต่อไปนี้ ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายราย (1) บริษัท อาร์ เอ็ม เอ กรุ๊ป จำกัด (2) บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด (3) บริษัท มาสด้า ซิตี้ จำกัด (4) บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด (5) บริษัท อาร์เอ็มเอ ซิตี้ มอเตอร์ส จำกัด (6) บริษัท โกลบอล อาร์เมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (7) บริษัท โกลบอล ฟลีท เซลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (8) บริษัท อาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ จำกัด (9) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ/หรือ (10) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด

ประกาศความเป็นส่วนตัว

บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด

สำหรับการใช้กล้องวงจรปิด

ประกาศความเป็นส่วนตัว (“ประกาศฯ”) ฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบว่าบริษัทฯ มีวิธีการจัดการกับข้อมูลที่บริษัทฯ ได้รับจากท่านอย่างไร รวมถึงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว และสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึง ใช้ และการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ประกาศฯ ฉบับนี้ มีผลใช้บังคับเฉพาะกับการประมวผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งบริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านทางกล้องวงจรปิดของบริษัทฯ นิยาม
ข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต
ประมวลผล” หรือ การประมวลผลหมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะได้ใช้วิธีการอัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การจัดระบบ การเก็บรักษา การดัดแปลงหรือแก้ไข การเรียกคืน การใช้ การเปิดเผย (โดยการส่ง การเผยแพร่ หรือทำให้สามารถเข้าถึงได้โดยวิธีการอื่นใด) การจัดเรียง การนำมารวมกัน การจำกัดการเข้าถึง การลบ หรือการทำลาย เป็นต้น
อาร์เอ็มเอ” หรือ “บริษัทฯหมายถึง บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด และบริษัทหรือธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ[1]
เกี่ยวกับบริษัทฯ บริษัท อาร์เอ็มเอ กรุ๊ป จำกัด เป็นนิติบุคคลซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย กลุ่มบริษัท อาร์เอ็มเอ มีการดำเนินกิจการใน 14 ประเทศทั่วโลก โดยที่อาร์เอ็มเอ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการชั้นนำในภาคธุรกิจยานยนต์ ธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ ธุรกิจบริการ และธุรกิจอาหาร ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่น ๆ การดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทฯ คือ การขายปลีกยานยนต์ การผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วน ระบบบริหารและติดตามพิกัดตำแหน่งยานพาหนะ การจัดจำหน่ายเครื่องจักรกลหนัก การผลิตพลังงาน ตลอดจนแฟรนไชส์อาหาร และการให้บริการด้านวิศวกรรม โดยมีโรงงานผลิตและดัดแปลงยานยนต์ของอาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ ตั้งอยู่ในประเทศตุรกี แอฟริกาใต้ พม่า ออสเตรเลีย รวมถึงมีสำนักงานของ ฟอร์ด โกลบอล ฟลีท เซลส์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และดูไบ ท่านสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม วิธีที่บริษัทฯ เก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทฯ จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านทางกล้องวงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่ภายในอาคารสถานที่หรือบริเวณโดยรอบพื้นที่ของบริษัทฯ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม บริษัทฯ อาจทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านทางกล้องวงจรปิดของบริษัทฯ ซึ่งอาจประกอบด้วยข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้
  • ภาพนิ่ง
  • ภาพเคลื่อนไหว
  • บันทึกเสียง
  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในบันทึกจากกล้องวงจรปิด
วัตถุประสงค์การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (เรียกรวมกันว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”)
ลำดับที่วัตถุประสงค์ฐานทางกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผล
(ก)เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับธุรกิจของบริษัทฯ และ/หรือบริการของบริษัทฯ รวมถึงการปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจำเป็นต่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อบังคับที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลบังคับใช้กับบริษัทฯ เช่น การส่งมอบบันทึกจากกล้องวงจรปิดให้แก่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่ได้รับคำสั่งจากศาล
(ข)เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัทฯ เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในชั้นศาล เป็นต้น
(ค)เพื่อวัตถุประสงค์ในการรักษาความปลอดภัยของบุคลากร ลูกค้า คู่ค้า และผู้มาติดต่อบริษัท รวมถึงความปลอดภัยของทรัพย์สินและอาคารสถานที่ของบริษัทฯการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัย และเพื่อประโยชน์ในการระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพของท่าน อาทิ เพื่อการรักษาความปลอดภัยทรัพย์สิน และอาคารสถานที่ของบริษัทฯ หรือเพื่อรักษาความปลอดภัยของบุคคลใด ๆ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของบริษัทฯ ตลอดจนการระงับยับยั้งอาชญากรรม
  ในกรณีที่บริษัทฯ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนด บริษัทฯ จะจัดให้มีนโยบายหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และ/หรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่อชี้แจงให้ท่านทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ในกรณีดังที่ได้กล่าวมานี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายหรือประกาศฉบับที่ได้มีเพิ่มเติมร่วมกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์และข้อบังคับภายใต้กฎหมายให้แก่หน่วยงานและบุคคล ดังต่อไปนี้
  • บริษัทในเครือของอาร์เอ็มเอ ซึ่งรวมถึงผู้บริหาร กรรมการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน และ/หรือบุคลากรภายในบริษัท เท่าที่จำเป็นสำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่านั้น (need-to-know basis)
  • คู่ค่าทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการ และ/หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อสนับสนุนการให้บริการของบริษัทฯ ในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ การรักษาความปลอดภัย หรือกรณีอื่นใดที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่านหรือต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ผู้ให้คำปรึกษา ทนายความ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ
  • หน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแล หรือหน่วยงานที่ได้ร้องขอให้บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเพื่อการดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย หรือตามที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่ใช้บังคับ
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก จะเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น และในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากท่านก่อนการเปิดเผยดังกล่าว ในกรณีที่บริษัทฯ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลภายนอก บริษัทฯ จะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่อันเกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และในกรณีที่บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการเพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หน่วยงานหรือผู้รับข้อมูลรายใดในต่างประเทศนั้น มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ระยะเวลาการจัดเก็บ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน หรือเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดสำหรับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือตามระยะเวลาอื่นใดที่กฎหมายกำหนด (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) ในการนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาอายุความสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ เก็บรวบรวม รวมถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท และที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการแก่ท่าน หลังจากครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าวข้างต้น (หรือระยะเวลาที่นานกว่านั้นตามที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้) บริษัทฯ จะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวออกจากระบบหรือการจัดเก็บของบริษัทฯ รวมถึงระบบหรือการจัดเก็บของบุคคลอื่นซึ่งให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวบุคคลได้ หากท่านมีข้อสงสัยประการใดหรือต้องการรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ตามช่องทางการติดต่อที่ระบุไว้ในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ สิทธิต่างๆ ของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมจากท่านดังนี้ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและอาจขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการขอให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงมีสิทธิขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น หรือตัวท่านเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่ไม่สามารถกระทำได้โดยสภาพทางเทคนิค ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุยืนยันตัวตนได้ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทฯ ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง หากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรืออาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม ในกรณีที่บริษัทฯ อาศัยความยินยอมของท่านในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลฯ ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทฯ เมื่อใดก็ได้ สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่มีเหตุให้เชื่อได้ว่าบริษัทฯ ได้ทำการฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อหน่วยงานกำกับดูแลด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามระเบียบ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด หากท่านมีความประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิ หรือมีข้อสงสัยหรือมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติของบริษัทฯ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่าในทางใด ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้ช่องทางการติดต่อในหัวข้อช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ตามที่ได้กำหนดเอาไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการพิจารณาคำร้องขอใช้สิทธิของท่านและดำเนินการตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ช่องทางการติดต่อบริษัทฯ ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับประกาศฯ ฉบับนี้ หรือต้องการใช้สิทธิของท่านตามที่ได้ระบุไว้ในประกาศฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้โดยใช้แบบฟอร์มตามที่ได้เผยแพร่บน www.rmagroup.net นอกจากนี้ ท่านยังสามารถติดต่อบริษัทฯ ผ่านทางฝ่ายกำกับดูแล ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
อีเมล:compliance@rmagroup.net
หมายเลขโทรศัพท์:+66 2 762 8500
ที่อยู่:เลขที่ 283/74 อาคาร โฮมเพลส ชั้น 15 ซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ 13) ถนนสุขุมวิท คลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย
กฎหมายที่ใช้บังคับ ประกาศฯ ฉบับนี้ อยู่ภายใต้การบังคับและต้องตีความตามกฎหมายของประเทศไทย ศาลไทยเป็นผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในการพิจารณาข้อพิพาทใด ๆ  ที่อาจเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับประกาศฯ ฉบับนี้ การเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้ ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือทำการปรับปรุงประกาศฯ ฉบับนี้ในเวลาใดก็ได้ตามที่เห็นสมควรภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ อาจทำการแก้ไขตามความจำเป็นเพื่อให้ประกาศฯ ฉบับนี้สอดคล้องกับกฎหมายที่บังคับใช้หรือข้อกำหนดที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ แนะนำให้ท่านตรวจสอบประกาศฯ ทุกครั้งที่ท่านเข้าถึงหรือใช้บริการ หรือเมื่อท่านมีปฏิสัมพันธ์กับบริษัทฯ ไม่ว่าในทางใด เพื่อให้ท่านได้ทราบอยู่เสมอว่าบริษัทฯ มีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวอย่างไร รวมถึงวิธีการที่ท่านจะสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่านได้ ให้ประกาศฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 [1] กลุ่มบริษัทอาร์เอ็มเอ ประกอบไปด้วย นิติบุคคลดังต่อไปนี้ ไม่ว่ารายเดียวหรือหลายราย (1) บริษัท อาร์ เอ็ม เอ กรุ๊ป จำกัด (2) บริษัท อาร์.เอ็ม.เอ.เทรดดิ้ง จำกัด (3) บริษัท มาสด้า ซิตี้ จำกัด (4) บริษัท ซิตี้ ออโต้โมบิล จำกัด (5) บริษัท อาร์เอ็มเอ ซิตี้ มอเตอร์ส จำกัด (6) บริษัท โกลบอล อาร์เมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (7) บริษัท โกลบอล ฟลีท เซลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด (8) บริษัท อาร์เอ็มเอ ออโตโมทีฟ จำกัด (9) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และ/หรือ (10) บริษัท เอ็กซ์เพรส ฟู๊ด กรุ๊ป จำกัด