เคล็ดไม่ลับการปลูกข้าวโพดหวาน
การปลูกข้าวโพดเป็นหนึ่งในพืชอาหารของโลกที่มี การนิยมปลูกเป็นอย่างมากและ การกระจายอย่างกว้างขวางที่สุด คุณจะพบข้าวโพดในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารสัตว์ เป็นอาหารมนุษย์ เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ และเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม วันนี้เราจึงมาแนะนำเคล็ดลับในการปลูกที่ทุกคนสามารถทำตามได้ง่ายง่ายตามวิธีด้านล่างนี้รับรองว่าจะได้เข้าโพดที่มีคุณภาพและน่ากินอย่างแน่นอน
ข้าวโพดหวาน หรือ Sweet corn มีรสหวานมาจากมียีนแฝงที่ทำหน้าที่เปลี่ยนน้ำตาลเป็นแป้งช้า ๆ โดยข้าวโพดมีการทำและแปรรูปที่หลากหลายที่นิยมรับประทานโดยการต้ม ขายฝักสด แช่แข็ง หรือบรรจุกระป๋องเป็นผัก เป็นต้น
ข้าวโพดในอุตสาหกรรมเป็นพืชดัดแปลงทางพันธุกรรม (GMOs) ที่ออกแบบมาเพื่อต้านทานสารกำจัดวัชพืช หรือเพื่อผลิตโปรตีนจาก Bacillus thuringiensis (Bt) เพื่อฆ่าแมลงศัตรูพืชบางชนิด นอกจากนี้ สายพันธุ์บางสายพันธุ์ยังได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้ทนต่อความแห้งแล้งได้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการของพวกมัน การปลูกข้าวโพดในสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่เป็น GMO ซึ่งอาจลดความจำเป็นในการใช้สารกำจัดวัชพืชและยาฆ่าแมลงอีกด้วย
ข้าวโพดเป็นพืชที่มีผลผลิตและมีอิทธิพลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีการปลูกข้าวโพดอย่างกว้างขวางเพื่อเป็นอาหารสำหรับทั้งมนุษย์และทำเพื่อการปศุสัตว์ เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ และเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม อาหารและโภชนาการ ข้าวโพดเป็นแหล่งอาหารจากพืชที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก แม้ว่าข้าวโพดจะมีความสำคัญในฐานะอาหารหลักในหลายส่วนของโลก แต่ข้าวโพดก็ยังด้อยกว่าธัญพืชอื่นๆ ในด้านคุณค่าทางโภชนาการ โปรตีนมีคุณภาพต่ำและขาดไนอาซิน อาหารที่มักส่งผลให้เกิดโรคขาดไนอาซินได้ ข้าวโพดมีใยอาหารสูงและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
การปลูกข้าวโพดหวาน
การปลูกข้าวโพดหวานต้องได้รับการใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ จึงจะแตกต่างจากการข้าวโพดทั่วๆไปแน่นอน
- ไถดินลึกโดยประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร
- เพื่อกำจัดแมลงและวัชพืชจึงต้องตากทิ้งไว้ 7 ถึง 10 วัน บำรุงดินโดยการใส่ปุ๋ยคอก หรือหว่านปูนขาวเข้าไปด้วย เพื่อปรับสภาพดินให้พร้อม แล้วทำการไถพรวนอีกครั้ง
- ขุดเป็นร่องลึกประมาณ 15 ถึง 20 เซนติเมตร โดยวัดจสกระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 80 ถึง 100 เซนติเมตร
ข้อแนะนำ
***ถ้าสภาพดินแห้ง ไม่มีความชื้น ควรปล่อยน้ำเข้าตามร่อง หรือให้ มีความชื้นกับดินบริเวณแปลงปลูก***
วิธีปลูกข้าวโพดหวาน
- เจาะหลุมปลูกบริเวณข้างๆ ร่อง
- ระยะห่างระหว่างหลุมประมาณ 25 ถึง 35 เซนติเมตร
- ใส่ 1-2 เมล็ด ต่อหลุม กลบดิน แล้วรดน้ำพอชุ่ม
- ข้าวโพดก็จะเริ่มงอกหลังจากหยอดเมล็ดพันธุ์ 5 ถึง 7 วัน
คำแนะนำ
หากพบหลุมที่ไม่งอกให้รีบปลูกซ่อมทันที
การเก็บเกี่ยวผลผลิต
การเก็บเกี่ยวที่ดีนั้นควรเลือกเก็บเกี่ยวในช่วงที่จะสามารถให้คุณภาพที่ดีที่สุดจึงต้องเก็บในระยะที่มีน้ำตาลสูงที่สุด อย่างระยะน้ำนม (Milk Stage) เพราะว่าหากเก็บเกี่ยวเลยระยะเวลานี้ไปแล้วปริมาณน้ำตาลในข้าวโพดจะลดลงและมีแป้งเพิ่มขึ้น นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ข้าวโพดหวานมีคุณภาพที่ดี
หลักการเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน
- การนับอายุของข้าวโพด จะเริ่มนับหลังจากวันหยอดเมล็ด โดยต้องรู้อายุของข้าวโพดหวานแต่ละพันธุ์ว่าเป็นพันธุ์หนัก, เบา หรือปานกลาง พันธุ์เบา อายุ 55 ถึง 65 วั
- พันธุ์ปานกลาง 70 ถึง 85 วัน
- พันธุ์หนักตั้งแต่ 90 วันขึ้นไป
- การเก็บผลผลิตในแปลงมาตรวจดู โดยหารสุ่มตัวอย่าง จากผลลัพธ์ที่ผ่านมาได้ผลแน่นอน แม่นยำ และนิยมกระทำกันมากที่สุด
- ควรเก็บเกี่ยวข้าวโพดหวาน ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 24 ชั่วโมง ควรเก็บเกี่ยวในเวลาเช้าและขนส่งต่อไปทันที เพราะหากปล่อยเวลาเนิ่นนานจะทำให้น้ำตาลลดลงและไม่ได้คุณภาพที่ต้องการ
รถแทรกเตอร์อเนกประสงค์ 5040D
เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง รถแทรกเตอร์สำหรับงานหนัก เหมาะที่สุดการเพาะปลูกทั้งงานแห้งและงานเปียก
รถแทรกเตอร์ตระกูล 5D รถแทรกเตอร์สำหรับงานหนัก เหมาะแก่การเกษตรแบบเพาะปลูกทั้งงานแห้งและงานเปียกเป็นที่สุด มาพร้อมกับระบบควบคุมไฮดรอลิก การควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วง โดยเฉพาะรุ่นนี้จุดเด่นอยู่ที่ประหยัดน้ำมันมากกว่า แรงบิดสำรองสูงกว่าอีกทั้งยังให้ผลผลิตที่มากขึ้น
รุ่น5040D
- พวงมาลัยเพาเวอร์เพื่อชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน
- การขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมยางดอกลึกเพื่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
- วาล์วควบคุมระบบไฮดรอลำหรับการควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วง
อุปกรณ์
- ไถจาน
- พรวนดิน
- จอบหมุน
- ใบมีดหน้า
- เครื่องปลูกข้าวโพด
รถแทรกเตอร์อเนกประสงค์ 5050D
เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง รถแทรกเตอร์สำหรับงานหนัก เหมาะที่สุดการเพาะปลูกทั้งงานแห้งและงานเปียก
รุ่น5050D
- พวงมาลัยเพาเวอร์เพื่อชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน
- การขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมยางดอกลึกเพื่อประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน
- วาล์วควบคุมระบบไฮดรอลำหรับการควบคุมอุปกรณ์ต่อพ่วง
รถแทรกเตอร์อเนกประสงค์ 5055E
ออกแบบมาเพื่อใช้งานโดยเฉพาะได้รับการออกแบบมาช่วยลดการใช้แรง และลดความเหนื่อยล้า สร้างผลกระทบที่ดี และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
รุ่นใหม่ในซีรีส์ 5E นั้นมีเครื่องยนต์ที่ไว้ใจได้และสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายพร้อมส่งมอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเลิศและยังประหยัดค่าบำรุงรักษา
รุ่น5055E
- รถแทรกเตอร์รุ่น 5E มีการสำรองแรงบิดสูงถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์
- ระบบก้านโยกควบคุมอัตโนมัติที่มีความแม่นยำ และตัวควบคุมความลึกของงานโดยระบบไฮดรอลิกส์
- พร้อมระบบเพลาอำนายกำลัง (PTO) ที่อิสระ ด้วยความเร็ว 540 รอบ/นาที
อ้างอิง : www.deere.co.th, www.rdi.ku.ac.th